วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Trans fat กินแล้วไม่อ้วนแต่ตาย

Trans fat เป็นไขมันจากพืชที่มนุษย์ผลิตขึ้นผ่านกระบวนการแปรรูปอาหาร (ขบวนการผลิตค่อนข้างวิทยาศาสตร์ไว้ค่อยขยายความต่อไป) ซึ่งขณะนี้งานวิจัยหลายฉบับ สรุปว่า ** มันเป็นไขมันชนิดร้ายแรงที่สุด
สรุปคือนอกจากจะไม่ให้ประโยชน์ใดทั้งสิ้น ยังไปทำลายไขมันดีที่ร่างกายสะสมไว้ใช้งานอีกด้วย
อาหารที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 40 เปอร์เซนต์อุดมไปด้วย trans fat (Trans Fatty Acid) ผู้ผลิตบางรายก็ไม่ใส่ข้อมูลของ Trans fat ไว้บนฉลากซึ่งหากบริโภคไขมันTrans fat ติดต่อกันเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ไขมันชนิดนี้พบมากใน มาร์การีน (เนยเทียม) ชอตเทนนิ่ง (เนยขาว) ครีมเทียม และน้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำจนเริ่มหนืด ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของไขมันชนิดTrans fat อาทิเช่น เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ โดนัท แคร็กเกอร์ และขนมขบเคี้ยวต่างๆ
ระยะหลังมานี้หลายๆประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับอันตรายของไขมันชนิดนี้มากขึ้น เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา และเดนมาร์ก ได้ออกกฎหมายบังคับให้แสดงฉลากอาหารที่ระบุปริมาณไขมันชนิดTrans fat ในฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์อาหารทุกชนิด
คำแนะนำในการอ่านฉลากเพื่อตรวจสอบปริมาณTrans fat
o อ่านดูส่วนประกอบอาหาร ถ้าหากคุณเห็น “partially hydrogenated vegetable oil” หรือ “partially hydrogenated vegetable shortening” อยู่ด้านบน เชื่อได้แน่ว่ามี Trans fat ประกอบอยู่มากด้วย แต่ถ้าเขียนอยู่ด้านล่าง ก็จะมี Trans fat น้อยลง
o ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่ามี Trans fat ในเนยเทียม (Margarine) เนยขาว (Shortenings) ของทอดและขนมทานเล่น ขนมพาย คุกกี้ แครกเกอร์
o อย่าปล่อยให้โดนหลอกตาด้วยขนาดรับประทาน ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงเล็กน้อย เช่น ป๊อปคอร์นขนาด 1 ถ้วย
o คำนวณทั้งฉลากโดยเฉพาะข้อมูลปริมาณของไขมันทุกชนิด ทั้ง saturated fats, monosaturated fats และ polyunsaturated fats ถ้าบวกรวมกันแล้วไม่ได้ตัวเลขตรงตามส่วนที่ระบุว่าเป็น total fats แล้วคุณก็ควรจะรู้ได้เองว่าส่วนต่างที่หายไป นั่นคือ Trans fat
o สินค้าที่ระบุว่ามีไขมันทั้งหมด Total fat ต่ำค่อนข้างที่จะมี Trans fat น้อยตามกันด้วย
o อาจต้องระวังการบริโภคอาหารที่ถึงแม้จะบอกว่ามี low saturated fat เพราะไม่แน่ว่ามันยังจะมี Trans fat อยู่บางส่วน
o ฉลากที่บอกว่ามี saturated fat free ไม่ใช่ว่าไม่มี Trans fat และ saturated fat เลยหรอก มีค่ะ แต่มี Trans fat ที่น้อยกว่า 0.5 กรัม และมี saturated fat ที่น้อยกว่า 0.5 กรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
o ถ้าอยากจะรับประทานเนยเทียม ก็ควรเลือก เนยเทียมเหลว แทน เนยเทียมแข็ง

ผักผลไม้ 7 ชนิดที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงโดยตรง

คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป..มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล ‘โดยตรง’ กับสุขภาพของ ‘ผู้หญิง’.
ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย

ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยุ่มากด้วยจึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรุปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย

บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้

กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง ‘คอลลาเจน’ ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ ‘เพคติน’ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หินจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารชะลอแก่...

ถ้ามีใครสักคนเดินปรี่เข้ามาทักเราว่า ดูสาวขึ้นหรือหนุ่มขึ้น คุณเอ๊ย! รับรองได้ว่าวันนั้นนั่งปลื้มไปทั้งวัน ...
การชะลอวัยนั้นไม่ได้เกินความสามารถที่คนเราจะควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยเหี่ยวย่นหรือโรคที่มากับวัย เช่น โรคความจำเสื่อม โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน ซึ่งคนเรามักจะคิดว่าเป็นผลพวงที่เกิดจากความแก่ แต่ความจริงที่ถูกมองข้ามก็คือ โรคเหล่านี้เป็นผลจากวิถีการดำเนินชีวิตที่ผิด มากกว่าจะมาจากความแก่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ฉะนั้น การหวนกลับมาจัดการกับวิถีชีวิต จึงเป็นหนทางชะลอความชราที่ดีที่สุด

จงใช้อาหารเป็นยา

อาหารที่เราเลือกบริโภคในชีวิตประจำวัน มีความสำคัญเท่าๆ กับการออกกำลังกาย ครีมกันแดดที่เราเลือกเพื่อป้องกันความเสื่อมของผิว และวิธีการป้องกันอื่นๆ ที่จะช่วยชะลอวัย ผัก ผลไม้ เป็นยาต้านความแก่ที่วิเศษที่สุด ผู้ที่รับประทานผักผลไม้มากๆ นอกจากจะแก่ช้าแล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ได้น้อยกว่าผู้ที่กินแต่เนื้อสัตว์และไขมันมาก ซึ่งนักวิจัยยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง

ในผักผลไม้มีอะไรดีอย่างนั้นหรือ

• ผักผลไม้ส่วนใหญ่ ยกเว้นมะพร้าว มะกอก และผลอะโวคาโด ไม่มีไขมัน ไม่มีคอเลสเตอรอล และมีโซเดียม (เกลือ) น้อย ยกเว้นของหมักดอง โซเดียมเป็นองค์ประกอบของเกลือ ถ้าบริโภคมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงและโรคมะเร็ง

• ผักผลไม้มีกากใยอาหารสูง ช่วยลดความเสี่ยงโรคที่มากับวัย เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ผักผลไม้ยังมีพลังงานต่ำ ทำให้อิ่มง่าย จึงลดปริมาณอาหารที่จะกินให้น้อยลง ร่างกายคนเราต้องการกากใยอาหารในการช่วยรักษาสุขภาพวันละ 25-30 กรัม ซึ่งทำได้ไม่ยาก ถ้าคุณเลือกบริโภคผักผลไม้วันละ 3-4 อย่าง อย่างละขนาดเท่าลูกเทนนิส และบริโภคผักสดขนาดเท่ากับ 4 ถ้วย (ข้าวต้ม) หรือผักสุก 4 ทัพพี หรือจะผสมกันอย่างละครึ่งก็ยิ่งดี

• ผักผลไม้มีสารอาหารมากมายที่ช่วยชะลอความแก่ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีนหรือแคโรทีนอยด์ อนุมูลอิสระเป็นสารที่เร่งความเสื่อมของวัย สารอาหารดังกล่าวจะช่วยลดฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ

• ผักผลไม้อุดมไปด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม กรดโฟลิก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แคลเซียมและแมกนีเซียมช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ธาตุเหล็กและกรดโฟลิกช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันโลหิตจาง นอกจากนี้ กรดโฟลิกยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและป้องกันโรคสมองเสื่อม

• ผักและผลไม้ให้พลังงานต่ำ โดยเฉพาะผัก ผักสลัดหนึ่งชามพูนให้พลังงานเพียง 30 กิโลแคลอรี่ แต่ต้องระวังน้ำสลัดซึ่งให้พลังงานสูง เพราะน้ำสลัดข้นแค่เพียง 1 ช้อนโต๊ะ ก็ให้พลังงานถึง 75-100 กิโลแคลอรี่เข้าไปแล้ว

• ผักผลไม้มีสารต้านมะเร็งเฉพาะตัวที่เรียกว่า สารพฤกษเคมี (Phytochemical) ผักผลไม้ต่างชนิดกันก็มีสารพฤกษเคมีแตกต่างกันไปหลายพันชนิด การบริโภคผักและผลไม้ให้หลากหลายจะช่วยให้ได้สารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อ สุขภาพ

หลีกเลี่ยงอาหารเร่งแก่!

มีอาหารหลายอย่างที่เราๆ ท่านๆ โปรดปราน โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำให้แก่เร็วขึ้น อาหารดังกล่าวประกอบไปด้วย

1. อาหารไขมันสูง

โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว (ไขมันจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ ช็อกโกแลต กะทิ) การบริโภคอาหารทอดกรอบ อาหารผัดที่มันมาก และน้ำมันพืชซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fatty acid) ในปริมาณมากๆ มีผลในการเพิ่มอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย

2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แอลกอฮอร์สามารถเปลี่ยนเป็นไขมันได้ และยังลดการดูดซึมของเกลือแร่และวิตามินในร่างกาย โดยเฉพาะแคลเซียม วิตามินบี และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้แอลกอฮอร์ยังก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เร่งความแก่ให้มาเยือนก่อนเวลาอันควร

3. เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน

ได้แก่ ชา กาแฟ ซึ่งจะลดการดูดซึมวิตามินบีและแคลเซียมในร่างกาย

4. อาหารหมักดองและอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ

เช่น สารตะกั่วและเชื้อแบคทีเรียในอาหารที่ขายตามริมถนนและไม่มีภาชนะปิด เป็นบ่อเกิดของอนุมูลอิสระ บั่นทอนสุขภาพและก่อให้เกิดโรคมะเร็ง อาหารปิ้งย่างที่มีเขม่าไฟติดหรือเกรียมไหม้ มีสารก่อให้เกิดมะเร็งที่มีชื่อว่า เบนโซไพรีน (benzopyrene)

5. อาหารทอดด้วยน้ำมันซ้ำซาก

เช่น ปาท่องโก๋ ปลาทอด ทอดมัน ไก่ทอด เป็นต้น น้ำมันที่ทอดอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและสารก่อมะเร็ง

สรุปวิธีการกินให้อ่อนวัยนั้นไม่ยาก ถ้าปฏิบัติดังนี้

• จำกัดอาหารประเภทไขมันและน้ำตาล

• บริโภคข้าวซ้อมมือเป็นประจำ

• เลือกผลิตภัณฑ์ข้าวที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยสุด

• บริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืช เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา และดื่มนมขาดไขมันหรือนมพร่องไขมันเป็นประจำ

• ระวังปริมาณในการบริโภค อย่าเพลินกับความอร่อยจนลืมตัว

• เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน

• เสริมวิตามินรวมวันละ 1 เม็ด และวิตามินอีวันละ 100-400 ไอยู

นอกจากเรื่องการกินแล้ว สิ่งสำคัญควบคู่กันไปก็คือ ไม่ลืมที่จะออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส ลดละความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ คุณก็จะดูอ่อนกว่าวัยได้แล้ว

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารลดอ้วนและอิ่มนาน

หลังพบว่า โปรตีนจากเนื้อจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อต่างๆ ขณะที่ ไข่ขาวและไข่แดง กินได้ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และ แอปเปิ้บยังช่วยให้อิ่มนาน เพราะมีกากใยถึง 4-5 กรัมต่อลูก…
จากการศึกษาพบว่า อาหารและผลไม้บางอย่าง ซึ่งนอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังช่วยให้น้ำหนักลดลงด้วย

มันอาจจะก่อความผิดคาดขึ้นบ้าง เมื่อยอดอาหารนำขบวนโดยสเต๊กเนื้อ ซึ่งวารสารวิชาการ “โภชนาการบำบัดอเมริกัน” เปิดเผยว่า มันทำให้น้ำหนักลดได้มากกว่า การบริโภคอย่างอื่น แต่จำกัดเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากโปรตีนในสเต๊กจะช่วยรักษามวลของกล้ามเนื้อต่างๆ ระหว่างที่น้ำหนักลดเอาไว้ให้

ไข่ เป็นยอดอาหารอีกอย่างหนึ่ง ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา ของสหรัฐฯ แนะนำให้สวาปามทั้งไข่ขาวและไข่แดง ไข่ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และยังช่วยลดพุงด้วย เคยมีผู้พยายามลดน้ำหนักกินไข่กับขนมปัง และเยลลี่ เป็นอาหารเช้า ลดน้ำหนักได้ มากกว่าผู้ที่กินขนมปังกับอย่างอื่น ที่ให้ปริมาณแคลอรีมากเท่าๆกัน แต่งดไข่ถึง 2 เท่า

ผลแอปเปิ้ล มหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท ศึกษาพบว่า ผู้ที่กัดแอปเปิ้ลกินเคี้ยวกร้วมๆ รองท้องก่อนที่จะกินพาสต้า จะกินอาหารได้น้อยกว่าเพื่อนที่กินอย่างอื่นไปก่อน แอปเปิ้ลแต่ละลูกจะให้กากใยมากระหว่าง 4-5 กรัม จึงทำให้อิ่มทน ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายด้วย ซึ่งทำให้พุงออกได้ง่าย

นอกจากนั้น ยังได้แก่ พริก โยเกิร์ต ถั่วแขกชนิดเม็ดแดงและเหลือง ผลอโวคาโด เนยแข็งอิตาลี และน้ำมันมะกอก...

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารที่ดีต่อสุขภาพ

อาหารหลัก 5 หมู่ หากกินครบถ้วนจะดีต่อสุขภาพและร่างกาย ถือเป็นยารักษาโรคขนานเอก แต่ก็ยังมีอาหาร จำพวกผัก ผลไม้ ที่ควรใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน...
* ถั่วเหลือง เมนูนี้อาจฟังดูไม่ค่อยน่าอร่อยนัก แต่คุณก็ไม่อาจปฎิเสธได้ถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายของมัน ถั่วเหลืองอุดมด้วย ไอโวฟลาโวนส์ ที่ช่วยปกป้องต่อมลูกหมากของผู้ชาย หากมี ไอโวฟลาโวนส์ในเลือดระดับที่เหมาะสม จะลดโอกาสเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากลงได้อย่างมาก การบริโภคโปรตีนจากถั่วยังเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกายอีกด้วย

* ผักสีส้มและสีแดง การกินผักสีส้มและสีแดง (เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ มะเขือเทศ ฯลฯ) ในปริมาณที่มากพอ ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวหนังสุขภาพดี และอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และเบต้าแคโรทีน ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการต่อมลูกหมากโตด้วย แน่นอนการเน้นกินผักสีส้มและสีแดงไม่ได้หมายความว่าควรละเลยผักสีเขียวทั้งหลาย เพือ่ให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนจริงๆ ควรทานผักผลไม้เป็นประจำทุกวัน

* เชอร์รี่และเบอร์รี่ หากอยากอร่อย ลองเลือกผลไม้รสอร่อยที่ดีต่อสุขภาพอย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และเชอร์รี่ เพราะมีแอนตี้ออกซิแดนต์และฟลาโวนอยด์ในระดับสูง ซึ่งช่วยการทำงานของสมองให้เฉียบคม

* ไขมันปลา กรดไขมันโอเมก้า 3 สำคัญอย่างมากในการทำให้ร่างกายคุณทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ ปลาที่อุดมด้วยไขมัน เช่น แซลมอน ทูน่า แม็กเคเรล และซาร์ดีน มีคุณสมบัติสูงในการต่อต้านอาการอักเสบ ช่วยในการลดอาการเจ็บปวดต่างๆ ของร่างกาย (รวมทั้งข้อต่อ) ผ่อนคลายโรคไขข้ออักเสบ และลดระดับไขมันในเลือด ปลาที่มีไขมันสูงยังมีวิตามินดี ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าช่วยป้องกันมะเร็ง เบาหวานประเภทสองโรคกระดูก และความดันโลหิตสูง โดยควรกินปลาที่มีไขมันสูงอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง
แบ่งปัน28